สาววัยเอ๊าะ-วัยดึก ประชันกันคึกคัก ประกวดธิดาใต้ท้องทะเล 240 ล้านปี ที่ภูน้ำหยด
เพชรบูรณ์ -
สาววัยเอ๊าะและวัยดึกประชันกันคึกคัก เข้าประกวดธิดาใต้ท้องทะเล 240 ล้านปี
ส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งธรณีวิทยาภูน้ำหยด อำเภอวิเชียรบุรี
วันที่ 24 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ธันวาคม 2566 ที่บริเวณอุทยานธรณีใต้ท้องทะเลดึกดำบรรพ์ ตำบลภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์
ได้มีการจัดประกวด “ธิดาใต้ท้องทะเล 240 ล้านปี” ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566
โดยมีนางวัลลา กฤษดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลภูน้ำหยด เป็นประธานเปิดงาน นายอัคร
ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ นายไพสน กลิ่นเจริญ
กำนันตำบลภูน้ำหยด ผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.ผู้บริหารสถานศึกษา
ส่วนราชการและประชาชนร่วมงาน
นายจตุรงค์ พวงเต็ง
รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลภูน้ำหยด กล่าวรายงานว่า
การจัดกิจกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2563
แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การจัดงานหยุดชะงักไป
เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี
จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้รื้อฟื้นการจัดงานอีกครั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ เยาวชน
ประชาชน มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก
อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ตามนโยบายของภาครัฐในการนำ Soft Power ในชุมชนมาพัฒนาให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
โดยการประกวด
“ธิดาใต้ท้องทะเล 240 ล้านปี” ในครั้งนี้แบ่งการประกวดออกเป็นทั้งหมด 2 ประเภท
ได้แก่ ประเภททั่วไป เกณฑ์เข้าประกวด เป็นสุภาพสตรี อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
แต่ไม่เกิน 27 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีสาวงามเข้าประกวด 8 คน ใช้เกณฑ์ตัดสิน
ความงามใบหน้า ,กิริยา มารยาท , ชุดที่สวมใส่ ,ปฏิภาณไหวพริบ,ความสามารถพิเศษ ซึ่งแต่ละคนที่เข้าประกวด
ต่างโชว์ทักษะ ความสามารถทั้งการร้อง รำและการแสดง กันอย่างสูสี
ซึ่งผลการประกวดประเภทนี้ คือ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 4 นางสาว ภุมวารี ชุมสาย
หรือน้องมิ้ง สามารถพิชิตใจคณะกรรมการ คว้ามงกุฏพร้อมสายสะพายไปครองได้สำเร็จ
ส่วนประเภทผู้สูงอายุ
เกณฑ์เข้าประกวด อายุ 60 ปี ขึ้นไป ภูมิลำเนาอยู่ในตำบลภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี
มีผู้เข้าประกวด ทั้งหมด 11 คน ใช้เกณฑ์ตัดสิน
บุคลิกภาพดี สวยงามสมวัย , ความสามารถพิเศษ ,ชุดที่สวมใส่สวยงาม
มีแนวคิดสร้างสรรค์ โดยประดิษฐ์จากเปลือกหอย หรือ วัสดุธรรมดา
ซึ่งแต่ละคนที่เข้าประกวด ต่างประดิษฐ์ชุดจากเปลือกหอยและวัสดุเหลือใช้
ได้อย่างงดงามลงตัว
ซึ่งได้รับเสียงเชียร์จากพวงมาลัยที่ลูกหลานต่างจับจองซื้อหามามอบให้อย่างคึกคัก
พร้อมทั้งโชว์ความสามารถ กันอย่างสุดเหวี่ยงไม่ว่าจะเป็นการเต้นประกอบเพลงสาวแหล่
สาวบางโพ ร้องเพลงคนดังลืมหลังควาย ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น
จนคณะกรรมการต้องให้คะแนนกันอย่างสูสี แบบเฉือนกันหวุดหวิด
ซึ่งผลการประกวดประเภทนี้ คือ ผู้ประกวดหมายเลข 3 นางทองสุข ขุนสันเที๊ยะ คว้ามงกุฏพร้อมสายสะพายไปครอง
สำหรับแหล่งธรณีวิทยาภูน้ำหยด
ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เป็นเสมือนสมุดบันทึกประวัติศาสตร์ของโลก
ที่สามารถสืบสาวเรื่องราวย้อนไปได้ถึง 300 กว่าล้านปี หลักฐานต่าง ๆ
ที่บันทึกอยู่ในเนื้อหินได้บ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมสมัยโบราณในช่วงเวลานั้น
ผ่านกาลเวลาและการกัดเซาะผุกร่อนมานับล้าน ๆ ปี
จนกลายเป็นเนินหินตะปุ่มตะป่ำอย่างที่เห็นทุกวันนี้ กรวดก้อนกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ ที่ประสานรวมกันเป็นพืดหินบริเวณแหล่งภูน้ำหยดแห่งนี้
มีชื่อเรียกว่า “หินกรวดมน” ซึ่งเป็นหินตะกอนประเภทหนึ่ง
เกิดขึ้นมาบนโลกเมื่อประมาณ 220 ล้านปีก่อน
ก้อนกรวดที่เกาะรวมกันเป็นหินกรวดมนนี้มีต้นกำเนิดมาจากหลากหลายที่
ส่วนใหญ่แล้วมาจากหินซึ่งเกิดอยู่ในทะเล
ดังนั้นจึงสามารถพบซากสิ่่งมีชีวิตต่าง
ๆ ที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลในช่วงเวลานั้น เช่น ปะการัง หอยฝาเดียว หอยสองฝา
หอยตะเกียง หอยงวงช้าง หอยบิน ฟองน้ำ พลับพลึงทะเล คตข้าวสารหรือฟิวซูลินิด
กลุ่มสัตว์เซลล์เดียว และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้ล้วนแต่มีอายุเก่าแก่กว่าตัวหินกรวดมนเอง
โดยมีอายุตั้งแต่ประมาณ 315 – 265 ล้านปี
นอกจากนี้ยังพบก้อนกรวดที่เป็นหินภูเขาไฟอีกด้วย
พื้นที่ลักษณะเช่นนี้ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างมาก มีทั้งเป็นเนินเขาและที่ราบ
ดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
โดยนักวิชาการชี้แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้ำหยดมีความสำคัญระดับโลก
ยกเทียบแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ทวีปออสเตรียเลีย
ชี้เป็นหลักฐานมหาสมุทรที่คั่น 2
แผ่นเปลือกโลกอินโด-ไชน่าและฉาน-ไทยที่หลงเหลืออยู่.
มนสิชา คล้ายแก้ว/เพชรป่าสักนิวส์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น