เพชรบูรณ์/รวบหนุ่มใหญ่ ร่วมกับ รปภ แสบขโมยข้าวเปลือกสหกรณ์ขาย

เพชรบูรณ์/รวบหนุ่มใหญ่ ร่วมกับ รปภ แสบขโมยข้าวเปลือกสหกรณ์ขาย

เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.ชนแดน รวบตัวหนุ่มใหญ่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของสหกรณ์การเกษตรชนแดน สุดแสบก่อเหตุ ขโมยข้าวเปลือกสหกรณ์การเกษตรชนแดน ขาย ราว 100 ตัน

วันที่ 14 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชนแดน ได้รับแจ้งจาก ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตร ชนแดน ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัย ของสหกรณ์ พร้อมพวกร่วมกันก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกออกจากโกดัง ไปจำหน่าย โดยเบื้องต้น คาดมีข้าวเปลือกหายออกไปจากโกดัง จำนวนราว100  ตัน (หนึ่งร้อยตัน) ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.ชนแดน ได้ทำการติดตามจนทราบว่า นายอำนวย สาวก อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 12 ตำบลชนแดน อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์  ซึ่งได้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ มิชซูบิชิ สีเขียว แบบมีคอก และรถยนต์กระบะนิสสันสีขาว เข้ามาก่อเหตุขนข้าวเปลือกออกไปจากโกดังของ สหกรณ์การเกษตร เพื่อไปจำหน่ายยังโรงรับซื้อพืชไร่แห่งหนึ่งในอำเภอชนแดน ซึ่งจากการสอบสวน ทำให้ทราบว่านายอำนวย สาวก ได้ร่วมกับ นายนที  ปัญญาไว อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 1 ตำบลชนแดน อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอดีต เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของสหกรณ์การเกษตร ชนแดน ปัจจุบันถูกสั่งให้ออกจากงานไปได้ราว 1 เดือนแล้ว เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันรักทรัพย์ แต่ นายอำนวย ได้ให้การปฎิเสธ พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่มีส่วนร่วมหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์เรื่องขโมยข้าวเปลือกออกจากโกดัง ของสหกรณ์ชนแดน แต่ตนเองได้รับการว่าจ้าง จาก นายนที ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ.ของสหกรณ์ ให้มาดำเนินการขนข้าวเปลือกออกจากโกดังเพื่อ นำไปจำหน่าย ให้กับโกดังรับซื้อพืชไร่แห่งหนึ่ง ก็เท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อ ล่าสุดตัวนายนทีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน ในช่วงสายของวันนี้ แต่ก็ยังไร้วี่แวว ที่จะมาพบกับทางพนักงานสอบสวน 

จากการสอบถาม นายอำนวย สาวก อายุ 53 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา เล่าว่า เหตุการณ์คือเขาจ้างตนเองมาลากข้าวเปลือก โดยมี นายนที เป็นคนว่าจ้างซึ่งตนเองได้รับจ้างลากมาแล้ว 30 กว่าเที่ยว โดยนำข้าวเปลือกไปขายยังตะกรุดไร โดยขนไปครั้งละประมาณ 1 ตัน ซึ่งตนก็ไม่ได้นับจำนวนเที่ยว โดยใช้รถจำนวน 1 คัน ซึ่งเช่าเขามา ตนไม่รู้ว่าเป็นการลักอะไรกันซึ่งเขามีกล้องวงจรปิดอยู่ ส่วนรถที่ใช้ตักก็เป็นรถที่อยู่ในสหกรณ์ โดยตัว นายนที เป็นคนขับรถตักข้าวเปลือกขึ้นบนรถเองบางครั้งก็ใช้กระป๋องในการตักขึ้นรถ ซึ่งหากเป็นการใช้ รถแม็คโคร ตัก ตัวนายนาที จะเป็นคนขับ ตนปฏิเสธในข้อหา ลักทรัพย์ เพราะเขามาจ้างผม ๆ เป็นแค่ผู้รับจ้าง ซึ่งตนไม่รู้ว่าเขาลักขโมยกัน แต่ นายนที เป็นคนว่าจ้างตน คือ นายนที บอกกับตนว่าไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรหรอก ถามว่าเอะใจหรือไม่ ตนก็ไม่ได้เอะใจ เพราะตอนขับรถเข้าไปในโกดังก็ไม่เห็นมีอะไร ตนจึงเข้าใจว่าไม่มีปัญหา เพราะในโกดังก็มีแต่กล้องวงจรปิด ทั้งนั้น เขาก็ยังกล้าเรียกเราเข้าไป เราจึงเกิดความเชื่อใจ วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ ซึ่งตนให้การปฏิเสธ ซึ่งถ้าร่วมกันลักทรัพย์ถ้าไปขายมาก็ต้องเอาเงินมาแบ่งกัน แต่ตนเองได้เงินค่าจ้างเพียงเที่ยวละ 2,500 บาท ( สองพันห้าร้อยบาท ) คือค่ารถ 1,000 ค่าแรง 1,000  ค่าน้ำมันรถ อีก 500 ซึ่งข้าวที่นำไปขายจะได้เป็นเงินเที่ยวละ 10,000 บาท โดย นายนที จะจ่ายให้ตนเองเที่ยวละ 2,500 บาท ( สองพันห้าร้อยบาท)บางเที่ยวก็ไม่ถึง ตนยอมรับว่าไม่รู้ว่า เขาลักข้าวกัน เพราะเราก็ขับรถเข้าไปในโกดัง ได้ตามปกติ

ด้าน นายนที ปัญญาไว อดีต เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล่าวว่า   ตนเองเป็นพนักงานสีข้าว ทำงานทั่วไป และเฝ้าเวรยามกลางคืน ข้าวที่หายนั้นหายจริง ตนคิดว่าน่าจะประมาณ 40 ตัน เพราะว่าคนงานข้างในเขาบอกว่ามีข้าวหายเป็นข้าวเปลือกที่กองเอาไว้กับพื้น ซึ่งเขากองเอาไว้เป็นโซนๆ ส่วนข้าวที่หายไป มาทราบตอนที่ตนออกจากงานแล้ว ซึ่งเขาเก็บข้าวเอาไว้ที่โกดังๆ นี้มีเพียงเจ้าหน้าที่ๆ เข้าไปได้เพราะเขามีกุญแจ ตอนที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่ตนเองยังไม่เห็นคนเข้าไปเพราะมันไม่สามารถเข้าได้ ต้องใช้กุญแจเพียงอย่างเดียว ตนมองว่ายังไงก็ขนออกไม่ได้ ถ้าขนออก 40 เกวียน จะต้องใช้รถ ขนาดใหญ่หรือเป็นรถพ่วง เบื้องต้น ตนทราบว่า ทางสหกรณ์ เชื่อว่าผู้ก่อเหตุขโมยเป็นตนเอง ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบ ในส่วนของลูกกุญแจนั้น ตนเองไม่ได้ถือแต่เป็นเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ ถือเอาไว้ นอกจากจะมีงานมาทำถึงให้ลูกกุญแจตนมาเปิดยืนยันว่าเรื่องข้าวหายนั้น ตนเองไม่รู้เรื่องเพราะก่อนที่ตนเองจะออกมานั้น ทางสหกรณ์ ก็ไม่ยอมเปิดฉาง

เดชา มลามาตย์  /เพชรบูรณ์